เงินเยนอ่อนเป็นประวัติการณ์! จัดทริปญี่ปุ่นตอนนี้คุ้มจริงไหม? เปิดโพย 5 สิ่งที่ต้องทำด่วนก่อนค่าเงินขึ้น

"เงินเยนอ่อนสุดในรอบหลายสิบปี!" ประโยคนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ได้ยินหนาหูในช่วงที่ผ่านมา และสำหรับคอเที่ยวญี่ปุ่นอย่างเราๆ แล้ว มันเหมือนเสียงกระซิบจากสวรรค์ที่ชวนให้หัวใจเต้นแรง แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ... มัน "คุ้ม" ขึ้นขนาดนั้นจริงหรือ? และถ้าโอกาสทองนี้อยู่ตรงหน้า เราควรจะทำอะไรบ้างเพื่อให้ทริปญี่ปุ่นในฝันครั้งต่อไปกลายเป็นทริปที่น่าจดจำและคุ้มค่าที่สุด?

ไม่ต้องเสียเวลาเดาอีกต่อไปคะ! บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมว่าค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงส่งผลต่อกระเป๋าเงินของเราอย่างไร พร้อมเปิดโพย 5 สิ่งที่ต้องทำ "ด่วน" เพื่อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ให้เต็มที่ที่สุด ถ้าคุณกำลังวางแผนไปญี่ปุ่น บอกเลยว่าห้ามพลาดแม้แต่บรรทัดเดียว!

เงินเยนอ่อน กระทบค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่นของเราอย่างไร? (เห็นภาพชัดๆ)

เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด เรามาดูการเปรียบเทียบกันเลยคะ สมมติว่าคุณมีงบสำหรับแลกเงินไปเที่ยว 10,000 บาทเท่ากัน:

• ช่วงค่าเงินปกติ (สมมติ): 10,000 บาท อาจแลกได้ประมาณ 36,000 เยน
• ช่วงเงินเยนอ่อน (ปัจจุบัน): 10,000 บาท อาจแลกได้ถึง 42,000 เยน หรือมากกว่า!

นั่นหมายความว่าคุณมีเงินเยนในมือเพิ่มขึ้นมาฟรีๆ ถึง 6,000 เยน หรือมากกว่านั้นจากเงินต้นเท่าเดิม! เงินส่วนต่างนี้อาจเทียบเท่ากับ:

• ราเมนร้อนๆ แสนอร่อย 5-6 ชาม
• ค่าตั๋วรถไฟใต้ดินสำหรับเที่ยวในโตเกียวได้หลายวัน
• ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์หรือปราสาทสวยๆ

พูดง่ายๆ ก็คือ เงินบาททุกบาทที่คุณจ่ายไปตอนนี้ "มีพลังซื้อ" ในญี่ปุ่นสูงขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้คุณสามารถ:

• กินดีขึ้น: อัปเกรดมื้ออาหารได้หรูกว่าเดิม
• พักดีขึ้น: เลือกโรงแรมที่สะดวกสบายหรือมีวิวสวยๆ ได้
• ช้อปสนุกขึ้น: ซื้อของได้เยอะขึ้นในงบเท่าเดิม

เมื่อเห็นภาพความคุ้มค่าแบบนี้แล้ว เราไปดูกันดีกว่าว่า 5 สิ่งที่เราควรทำเพื่อฉกฉวยโอกาสนี้มีอะไรบ้าง

เปิดโพย 5 สิ่งที่ต้อง "ทำด่วน" เมื่อเงินเยนถูก

1. ช้อปปิ้งแบบไม่ต้องยั้งมือ: ลิสต์ของน่าซื้อที่ราคาดีที่สุดในรอบหลายปี

นี่คือสวรรค์ของนักช้อปอย่างแท้จริง สินค้าหลายอย่างที่ปกติก็ถูกกว่าไทยอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งถูกลงไปอีก! อย่าลืมทำลิสต์ของที่อยากได้แล้วไปลุยกันเลย

• เครื่องสำอางและสกินแคร์: แบรนด์ญี่ปุ่นคุณภาพดีอย่าง Shiseido, SK-II, Canmake, Cezanne ราคาดีจนน่าตกใจ
• ยาและวิตามิน: ร้านขายยาญี่ปุ่นคือขุมทรัพย์ วิตามิน DHC, ครีมทาแก้ปวด, แผ่นแปะแก้ร้อนใน คือของที่ต้องมีติดกระเป๋า
• เสื้อผ้า: แบรนด์อย่าง UNIQLO, GU, MUJI ที่ราคาถูกกว่าไทยอยู่แล้ว ยิ่งคุ้มค่าที่จะซื้อคอลเลคชั่นใหม่ๆ กลับมา
• ของแบรนด์เนมมือสอง: ญี่ปุ่นคือแหล่งรวมของแบรนด์เนมมือสองสภาพนางฟ้าในราคาดีงาม ย่าน Shinjuku หรือ Ginza มีร้านเด็ดๆ ซ่อนอยู่เพียบ
• อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และกล้อง: สำหรับสาย Gadget นี่คือโอกาสทองในการสอยกล้องถ่ายรูป, เลนส์, หรือหูฟังรุ่นใหม่ๆ ในราคาที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว (อย่าลืมเช็ครุ่นที่ใช้ทั่วโลกได้)

Pro Tip: อย่าลืมทำ Tax-Free (เมื่อซื้อครบ 5,000 เยน) เพื่อประหยัดเพิ่มไปอีก 10%!

2. อัปเกรดประสบการณ์การกิน: ลิ้มลองร้าน Omakase หรือเนื้อย่างระดับพรีเมียม

เคยมองคอร์สโอมากาเสะ (Omakase) หรือชุดเนื้อวากิว A5 แล้วต้องกลืนน้ำลายเพราะราคาสูงไปนิดไหม? ตอนนี้คือโอกาสของคุณ! จากค่าเงินที่อ่อนลง ทำให้มื้ออาหารสุดหรูเหล่านี้มีราคาที่ "เอื้อมถึง" ได้ง่ายขึ้นมาก

ลองเปลี่ยนมุมมองจากการ "ประหยัด" เป็นการ "ใช้เงินเท่าเดิมแต่ได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า" คุณอาจจะพบว่าคอร์สอาหารกลางวันในร้านระดับ Michelin Star หรือมื้อเนื้อย่างพรีเมียม มีราคาใกล้เคียงกับการกินบุฟเฟต์ดีๆ ในไทยเท่านั้นเอง นี่คือการลงทุนในความทรงจำที่คุ้มค่าที่สุด

3. เลือกพักโรงแรมที่ดีกว่าเดิม: จากโรงแรมธุรกิจสู่เรียวกังออนเซ็นส่วนตัว

จากที่เคยตั้งใจจะพักแค่โรงแรมธุรกิจเล็กๆ เพื่อประหยัดงบ ตอนนี้คุณอาจจะสามารถอัปเกรดไปพักโรงแรมที่มีวิวสวยๆ ใจกลางเมือง หรือแม้กระทั่งลองเปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสประสบการณ์ "เรียวกัง" ที่มีออนเซ็นส่วนตัวได้ในงบประมาณที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก

ลองจินตนาการถึงการตื่นเช้ามาเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิจากหน้าต่างห้องพัก หรือการได้แช่ออนเซ็นส่วนตัวหลังจากเที่ยวมาทั้งวัน... ประสบการณ์เหล่านี้จะทำให้ทริปของคุณพิเศษขึ้นอีกระดับโดยไม่ต้องจ่ายแพงอย่างที่เคยคิด

4. จองทริปเดินทางข้ามเมืองไกลๆ: เที่ยวจากโตเกียวไปฮอกไกโดได้แบบสบายกระเป๋า

ค่าเดินทางในญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถไฟชินคันเซ็น (Shinkansen) อาจเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ทำให้หลายคนเลือกเที่ยวแค่ในภูมิภาคเดียว แต่ด้วยค่าเงินปัจจุบัน ราคาตั๋วเมื่อแปลงเป็นเงินบาทแล้วถูกลงอย่างเห็นได้ชัด

นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการวางแผนทริปยาวๆ ข้ามภูมิภาค เช่น นั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวไปโอซาก้า หรือแม้กระทั่งบินต่อไปยังฮอกไกโดหรือฟุกุโอกะ คุณจะสามารถสำรวจญี่ปุ่นได้ในหลากหลายมิติมากขึ้น โดยที่งบไม่บานปลายเหมือนเคย

5. ลองเที่ยวในรูปแบบที่ "เฉพาะตัว" มากขึ้น: จากทริปตามแลนด์มาร์คสู่ทริปตามความสนใจ

เมื่อความกังวลเรื่องงบประมาณลดลง เราจะมีอิสระในการออกแบบทริปที่ตอบโจทย์ความชอบของเราได้มากขึ้น นี่คือโอกาสดีที่จะลองจัดทริปเฉพาะทางที่ปกติอาจจะดูยุ่งยากหรือมีค่าใช้จ่ายสูง

• ทริปสายคาเฟ่: ตะลุยร้านกาแฟ Specialty และคาเฟ่ขนมหวานน่ารักๆ ในโตเกียว
• ทริปสายศิลปะ: เดินทางไปเสพงานศิลป์บนเกาะนาโอชิมะ (Naoshima) หรือตามรอยพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆ
• ทริปสายธรรมชาติ: เช่ารถขับเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ที่ฮอกไกโด หรือเส้นทางใบไม้เปลี่ยนสีที่โทโฮคุ

การเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ กับเพื่อนหรือครอบครัวจะทำให้ทริปเฉพาะทางเหล่านี้คล่องตัวและพิเศษยิ่งขึ้น และตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทริปในฝันเหล่านั้นเป็นจริง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ): เงินเยนอ่อนแล้วควรแลกเงินเก็บไว้เลยไหม?

เป็นคำถามที่ดีมากคะ การแลกเงินเยนเก็บไว้จำนวนมากอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน คำแนะนำที่เป็นกลางคือ:

1. ถ้ามีแผนเที่ยวแน่นอน: ให้ทยอยแลกเงินเก็บไว้ทีละน้อยเมื่อเห็นว่าเรทดี เพื่อเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยง
2. ใช้ Travel Card: บัตรเติมเงินสำหรับเดินทางอย่าง YouTrip หรือ Wise เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะมักจะได้เรทที่ดีกว่าการแลกเงินสด และปลอดภัยกว่า
3. บัตรเครดิต: ตรวจสอบโปรโมชั่นของบัตรเครดิตที่คุณมี บางบัตรอาจไม่มีค่าธรรมเนียมความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (FX Rate 2.5%) ซึ่งทำให้สะดวกและคุ้มค่ามาก

บทสรุป: โอกาสทองที่นักเดินทางไม่ควรพลาด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์เงินเยนอ่อนในปัจจุบันคือ "โอกาสทอง" ของนักท่องเที่ยวไทยอย่างแท้จริง มันเปิดประตูให้เราได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่คุ้มค่าและพิเศษกว่าที่เคยเป็นมา ไม่ว่าคุณจะเป็นสายช้อป สายกิน หรือสายสำรวจ นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบหลายปีในการสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจในดินแดนอาทิตย์อุทัย

การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้อย่างเต็มศักยภาพที่สุด ขอให้มีความสุขกับการเดินทางนะคะ!

-------
GTT Inter Travel เรามีแพ็กเกจทัวร์สุดพิเศษ หรือจะจัดกรุ๊ปทัวร์แบบส่วนตัว
โทร 098-483-0111
Facebook page : https://www.facebook.com/gttintertravel
Line ID: @gttintertravel (มี @ ด้วยนะจ๊ะ)